7) Step 19 : กำหนดดัชนีควบคุม Step 21 : จัดทำระบบข้อมูล
งานการบำรุงรักษาจะถูกผลักดัน ขณะที่หมุนตาม Main Cycle และ Sub Cycle ของโครงสร้างการบำรุงรักษา จากการนี้ สภาพการบำรุงรักษาเครื่องจักรก็ได้รับการพัฒนา ดัชนีการบำรุงรักษาเครื่องจักรแต่ละตัวไม่ได้เป็นเอกเทศกัน แต่ผลที่ได้ ดัชนีต่าง ๆ จะเกี่ยวพันซึ่งกันและกัน
ดังนั้น จึงไม่ควรตัดสินด้วยดัชนีตัวใดตัวหนึ่ง แต่ควรตัดสินถึงความเหมาะสมของการบำรุงรักษาเครื่องจักรโดยดูโดยรวม ดังแสดงเป็นโครงสร้างในผังที่ 5 -14
ดังได้ทราบจากผังนี้ ผลของค่าซ่อมแซมจะเปลี่ยนไปตามการขัดข้องและการ set up จริง หรือคิดในทางกลับกัน การขัดข้องหรือการ Set up ที่เกิดขึ้น จะขึ้นอยู่กับขนาดของค่าซ่อมแซม ในการดำเนินการบำรุงรักษาตามแผนการนี้
ในตอนนั้น ควรนำบันทึกของสิ่งต่อไปนี้มาสร้างเป็น database เพื่อทำการประเมินผลของการบำรุงรักษาและทบทวนแผนการบำรุงรักษาต่อไป การบันทึกควรรวบรวมและควบคุมให้เป็นหนึ่งเดียวจะดีกว่า ตัวอย่างดัชนีมีดังต่อไปนี้
ส่วนที่เกี่ยวกับ Performance
- ค่าบำรุงรักษา: ค่าแรง ค่าเครื่องจักรหนัก ค่าทาสี ค่าล่วงเวลา ค่าจัดซื้อสิ่งของ
- OEE: Availability Rate, Performance Rate, Quality Rate
- เกี่ยวกับความปลอดภัย: จำนวนการเกิดอุบัติเหตุ, จำนวน Near Miss, ผลของการลาดตระเวน
- การส่งมอบ: จำนวนวัน SD, สภาพการหยุดหลังทดลองเดินเครื่อง, อัตราการเกิดของเสียด้านคุณภาพหลังทดลองเดินเครื่อง
- MTBF, MTTR
- ความสามารถในการประเมินแผนงาน
- ความสามารถในการตรวจรับงาน
ส่วนที่เกี่ยวกับ Process
- การเพิ่มลดของการเกิดการขัดข้อง : จำนวนการขัดข้อง
- เวลาหยุดเพราะการขัดข้อง: เวลาระบุสาเหตุการขัดข้อง, เวลาฟื้นสภาพ
- ผลของการตรวจเช็คหน้างาน: จำนวนข้อบกพร่องที่ค้นพบ, จำนวนข้อบกพร่องที่มองตกหล่น
- การหยุดกะทันหัน: จำนวนครั้ง-เวลาที่หยุดกะทันหัน, จำนวนครั้งที่ถูกเรียกฉุกเฉิน
- ทักษะหน้างาน: การเชื่อม การตั้งศูนย์ เป็นต้น
- เอกสารมาตรฐาน หนังสือคู่มือ หนังสือขั้นตอน Check List เป็นต้น
- การใช้เทคนิควินิจฉัยเครื่องจักร: การวินิจฉัยแรงสั่นสะเทือน การควบคุมน้ำมัน เป็นต้น
หมายเหตุ: MTBF: Mean Time Between Failure
MTTR: Mean Time To Repair
★ ความเชื่อมโยงของข้อมูลการบำรุงรักษา: ตัวอย่างการสร้างระบบดัชนีและการดำเนินกิจกรรม
มาอธิบายตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมกันดีกว่า ผลสัมฤทธิ์ของการบำรุงรักษาดังแสดงในผังที่ 5-15
แสดงด้วยการผลรวมของ [ปริมาณการสึกหรอ V / ความแม่นยำของแผนการบำรุงรักษา] และ [1 / ประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน (Koritsu) X ความสามารถในการผลิต (Noritsu)] หารด้วย การผลิต P จากสูตรนี้จะเห็นได้ว่า
- การทำให้ปริมาณการสึกหรอน้อยที่สุด
- ยกระดับความแม่นยำของแผนการบำรุงรักษา
- เพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน (Koritsu) ความสามารถในการปฏิบัติงาน (Noritsu)
- ทำให้ปริมาณการผลิต ผลสัมฤทธิ์สูงสุด
จะเป็นมุมมองในการไคเซ็น ตัวอย่างอย่างเป็นรูปธรรมดังแสดงในผังที่ 5-16 เมื่อเป็นเช่นนี้ จากการทำให้กิจกรรมการบำรุงรักษาเครื่องจักรเป็นดัชนีชี้วัด ทำให้การบำรุงรักษาเครื่องจักรและความต้องการทางการบริหาร (Management Needs) ตรงกันได้
ทำให้กิจกรรมไคเซ็นหน้างานและการยกระดับดัชนีการบริหารเป็นหนึ่งเดียวกัน จากกิจกรรมดังกล่าว คราวนี้ เราก็มากำหนดดัชนีผลสัมฤทธิ์แต่ละตัว แล้วดำเนินกิจกรรมไคเซ็น ดังตัวอย่างที่แสดงในผังที่ 5-17
ทีนี้ เมื่อจะดำเนินกิจกรรมนี้ที่หน้างานจริง จุดสำคัญอยู่ที่ว่าจะจับผลลัพธ์ได้อย่างไร ตัวอย่างเช่น
- ดัชนีระดับบนที่ใกล้กับดัชนีการบริหาร เช่น ค่าซ่อมแซม ปริมาณการผลิต คุณภาพ
- ดัชนีกระจายครั้งที่ 1 ของดัชนีระดับบน เช่น ค่า outsource ค่าจัดซื้อสิ่งของ
- ดัชนีกระจายของ 2 เช่น ชั่วโมงแรงงาน (Man-Hour) ของการซ่อมบำรุงใหญ่ จำนวนเครื่องจักรหนัก
- ข้อมูลการตรวจรับหลังการตรวจสอบ ข้อมูลตรวจวัดต่าง ๆ เมื่อถอดเครื่อง
- ดัชนีกิจกรรมหน้างาน เช่น การขัดข้อง ความผิดพลาดของการซ่อมบำรุงใหญ่
- สารสนเทศ เช่น การวินิจฉัยเครื่องจักร การตรวจสอบ-หล่อลื่น
เป็นต้น การรวบรวมข้อมูลมากมายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ นั่นก็คือ จำเป็นต้องมีการจัดการข้อมูล
การจัดการข้อมูลนี้หากฟังก์ชันได้ดี ก็ใช้สิ่งนี้เป็นรากฐานของการจัดทำแผนงานและประเมินผลลัพธ์ของการดำเนินการ ผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชาจะสามารถมีจิตสำนึกร่วมกันด้วยการเปิดเผยข้อมูลเหล่านั้น
อีกทั้ง ใช้พื้นฐานเหล่านี้ ในการทำให้งบประมาณกับกิจกรรมสอดคล้องกัน ก็จะทำให้สามารถควบคุมงบประมาณ/ผลจริงให้ราบรื่น
โดยทั่วไป การจัดการข้อมูลเช่นนี้ ช่างซ่อมบำรุงที่ระดับหน้างาน มักจะไม่ถนัด แต่การจัดการข้อมูลเช่นนี้จึงจะมีจิตสำนึกต่อกิจกรรมการบำรุงรักษาได้อย่างถูกต้อง ขอแนะนำให้ใช้ประโยชน์จากซอฟต์แวร์ในการจัดการข้อมูลที่บริษัทวิศวกรรมหลายแห่งจัดจำหน่าย
สิ่งที่ควรระวังคือ หากไม่มีการพิจารณาและพัฒนาว่าจะใช้ด้วยแนวคิดอย่างไรในบริษัทฝ่ายที่ทำการบำรุงรักษาเครื่องจักรก็จะใช้งานได้ดีไม่ได้ หลายบริษัทจึงซื้อระบบแต่ใช้งานอะไรไม่ได้
เรียบเรียงโดย อาจารย์ณรงค์เกียรติ นักสอน
ที่ปรึกษา TPM-JIPM