1. ของเสียด้านคุณภาพคืออะไร
1.1 ปัญหาต่าง ๆ ในปัจจุบัน
ในที่ทำงานของพวกเรา มีปัญหาต่าง ๆ หลากหลายมากมาย และระดับของปัญหาก็มีต่าง ๆ นานา
สิ่งสำคัญคือการ “สังเกตเห็นปัญหาว่าเป็นปัญหา”
ทุกคนคงเคยคิดแบบนี้อย่างน้อยสักครั้งหนึ่งใช่ไหม
โดยเฉพาะปัญหาเรื่องคุณภาพ ไม่ใช่แค่ของเสียด้านฟังก์ชั่นหรือสมรรถนะ แต่ยังรวมถึงปัญหาที่มีผลกระทบต่อภาพรวม เช่น ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ลูกค้าต้องการ อย่างเช่น ราคาหรือกำหนดส่งมอบด้วย
1.2 กระบวนการถัดไปคือลูกค้า
คุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่พวกเราผลิตขึ้น ไม่ใช่สิ่งที่กำหนดโดยพวกเราซึ่งเป็นผู้ผลิต แต่กำหนดด้วยความต้องการ-needs ของลูกค้า
คำว่าลูกค้าไม่ได้ใช้เรียกแค่บริษัทที่ซื้อผลิตภัณฑ์ของเรา ตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์ที่พวกเราผลิต ในการจะผลิตจนออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ตัวหนึ่ง จะต้องผ่านหลายกระบวนการ และหลายการปฏิบัติงาน ก็อย่าลืมว่ากระบวนการ หรืองานถัดไปของผลิตภัณฑ์ที่พวกเราผลิตขึ้นแล้วส่งให้ไป ก็คือลูกค้าของพวกเราเหมือนกัน
▪ ผังที่ 1-1 สิ่งที่เรียกว่า “คุณภาพ”
1.3 ควบคุมคุณภาพ
สิ่งสำคัญที่สุดคือการได้รับการยอมรับในเรื่องคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้น แต่กลับกัน “คุณภาพไม่ดี” คือเป็นอย่างไร
สิ่งที่จะกำหนดเป็นตัววัดว่าดี-ไม่ดี ก็คือก้าวแรกของกิจกรรมของเสียเป็นศูนย์ และเป็นพื้นฐานของการควบคุมคุณภาพ
ก่อนอื่น ต้องทำความชัดเจนกับคำว่า “คุณภาพ” ของผลิตภัณฑ์ที่ส่งให้แก่ลูกค้า ซึ่งจะเป็นหัวข้อในการตรวจเช็คผลิตภัณฑ์ อันเป็นผลจากการผลิต โดยต้องมีการนิยามคุณภาพอย่างชัดเจนด้วยการสำรวจตลาดและการวางแผนผลิตภัณฑ์
การควบคุมคุณภาพ จะเริ่มจากการพิสูจน์ความดีของ “คุณภาพผลิตภัณฑ์” ตามที่นิยามไว้อย่างชัดเจน ด้วยวิธีการที่เป็นกลาง
ต้องรู้สึกถึงปัญหาเช่นนี้ได้แต่เนิ่น ๆ และเชื่อมโยงสู่กิจกรรมไคเซ็น
พื้นฐานของกิจกรรมไคเซ็น เพื่อให้ของเสียด้านคุณภาพเป็นศูนย์
- “ต้องจัดเตรียมการปฏิบัติงานและสภาพแวดล้อมให้ดี”
- “ต้องยกระดับมาตรฐานให้สูงขึ้น”
นั่นหมายถึง สิ่งที่พวกเราต้องไคเซ็นก็คือ วิธีการทำงาน (การปฏิบัติงานผลิต และสภาพแวดล้อมในการผลิต) นั่นเอง
1.4 ต้องจับปรากฏการณ์
จำเป็นต้องแสดงระดับของของเสียด้านคุณภาพด้วยตัวชี้วัดที่เป็นกลาง พวกเราสามารถแสดง “สภาพ” ของเสียได้อย่างถูกต้องหรือยัง
เรามีการตั้งชื่อสภาพของของเสียต่าง ๆ เช่น ของเสียด้านขนาด ของเสียรูปลักษณ์ภายนอก ของเสียคุณสมบัติไม่ได้… แต่เพียงแค่นั้นยังแสดง “สภาพ” ของของเสียอย่างถูกต้องไม่ได้
เมื่อแสดงด้วย “ของเสียด้านขนาด +0.2 มม.” “เกิดของเสียรูปลักษณ์ภายนอก 0.5%” จะดูเหมือนจับของเสียด้วยตัวเลข แต่ก็ใช่ว่าจะแสดงปรากฏการณ์ของ ของเสียด้านขนาด ของเสียรูปลักษณ์ภายนอกได้อย่างถูกต้อง
ตัวอย่างเช่น ถึงจะบอกว่าของเสียด้านขนาด ก็ยังไม่รู้ว่าขนาดตรงไหนของผลิตภัณฑ์ หรือสมมุติว่ามีการระบุตำแหน่งแล้ว แต่ 0.2 ม.ม. นี่หมายถึงความคลาดเคลื่อนสูงสุด หรือว่าความคลาดเคลื่อนต่ำสุด หรือว่าเป็นค่าเฉลี่ยก็ไม่รู้ได้
■ ผังที่ 1-2 “ของเสียด้านขนาด” ของผลิตภัณฑ์แปรรูป
ถึงจะเป็น “ของเสียด้านขนาด” เหมือนกัน แต่…
คำนิยามของคุณภาพ ไม่ใช่แค่ “ชื่อ” สิ่งสำคัญคือต้องนิยาม “ปรากฏการณ์” อย่างถูกต้อง
ลำดับถัดไป ต้องจับปรากฏการณ์ว่าดีหรือไม่ดีออกมาเป็นตัวเลข เพื่อการนี้ ต้องจับปรากฏการณ์อย่างถูกต้อง และต้องยกระดับเทคนิคในการตรวจวัดที่จะจับตัวเลขนั้นได้อย่างแม่นยำด้วยตัววัดที่เป็นกลาง ระดับของ monodzukuri จะต่างกันอย่างมาก ขึ้นอยู่กับว่าจะสามารถวัดปรากฏการณ์คุณภาพ และมีเทคโนโลยีที่สามารถแสดงออกมาได้หรือไม่
1.5 ต้องให้ความสำคัญกับความแปรปรวน
ของเสียด้านคุณภาพ จะถูกตัดสินด้วยการเปรียบเทียบสเปกคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่กำหนด กับค่าที่วัดได้ของผลิตภัณฑ์ที่เสร็จแล้ว ในจุดนี้สิ่งที่ต้องระวังคือความแปรปรวน
(1) ค่าที่วัดได้มีความแปรปรวน
พวกเราใช้เครื่องมือหรือวิธีการตรวจวัดต่าง ๆ ทำการตรวจวัดคุณภาพของผลิตภัณฑ์ แต่ส่วนใหญ่ ผลการตรวจวัดจะแสดงด้วย “ค่าตัวแทน”
ยกเว้นกรณีที่มีการตรวจวัดทุกชิ้น ผลการตรวจวัดมักแสดงด้วย “ค่า” ทางสถิติ เช่น ค่าสูงสุด ค่าต่ำสุด ค่าเฉลี่ย อย่าลืมว่า เป็นการเอาข้อมูลสุ่มตัวอย่างที่ค่าต่างกันด้วยวิธีการเก็บข้อมูลและวิธีการตรวจวัด มาเปรียบเทียบกับสเปกคุณภาพ
(2) การที่คุณภาพแปรปรวน
ไม่ใช่ปัญหาของการสุ่มตัวอย่างหรือการตรวจวัด แม้แต่ตัวผลิตภัณฑ์แปรปรวน ค่าตรวจวัดก็เกิดความแปรปรวนได้
เงื่อนไขการผลิตทุกอย่างเหมือนกัน ของที่ผลิตก็มีคุณภาพเหมือนกันหมด นี่เป็นอุดมคติ แต่ในความเป็นจริง ด้วยการเปลี่ยนแปลงของปัจจัย หรือเงื่อนไขต่าง ๆ ซึ่งไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้คุณภาพที่ผลิตขึ้นอาจเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งมักเกิดขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริง
■ ผังที่ 1-3 ความแปรปรวนของคุณภาพ
ค่าตรวจวัดที่มีความแปรปรวนแต่เดิม ต้องรับรู้อย่างเพียงพอในการตัดสินว่า ค่านั้นอยู่ในสเปกหรือไม่ เป็นของดีหรือของเสีย พร้อมกันนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ อย่าไปเปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน แต่ผลิตภัณฑ์จะเกิดความแปรปรวนทางคุณภาพ (“แปรปรวนสูง” “แปรปรวนต่ำ”) ไปเอง
การหลุดจากเกณฑ์มาตรฐานทำให้เกิดของเสียก็เป็นปัญหา แต่สิ่งที่เป็นปัญหายิ่งกว่าคือการผลิตทั้งของดีและของเสียออกมา มาตรการต่อผลิตภัณฑ์ที่เป็นของเสีย ก็ยังไม่ยากเท่ามาตรการต่อผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพแปรปรวน
1.6 ของเสียเรื้อรัง
การที่ทำซ้ำให้เหมือนเดิมได้ยาก และความแปรปรวนของอัตราของเสียนี้ เราเรียกว่า ของเสียเรื้อรัง
ของเสียเรื้อรัง ถึงจะมีมาตรการต่าง ๆ แล้วก็ยังไม่ดีขึ้น ดังนั้น ส่วนใหญ่ก็จะถอดใจ หรือปล่อยไป ว่ากันว่าจะทำให้เป็นศูนย์ได้ยาก
ลักษณะพิเศษของของเสียเรื้อรัง
- มีหลายสาเหตุ
- เกิดจากการสั่งสมของข้อบกพร่องเล็กน้อย (ข้อบกพร่องที่ซอยย่อยกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว)
- ข้อบกพร่องเล็กน้อยที่เป็นสาเหตุบางทีก็เกิด บางทีก็ไม่เกิด
เป็นต้น จากการนี้ ส่วนใหญ่จึงมีความสัมพันธ์ของเหตุและผลไม่ชัดเจน จำเป็นต้องดำเนินการอย่างมีนวัตกรรมต่างจากเดิม
ด้วยเหตุนี้ ให้จำกัดวงของเวลา-สถานที่ที่ผลิตภัณฑ์นั้นเสร็จ เพื่อหาจุดเวลาหรือจุดที่เริ่มเกิดความแปรปรวน (ต้องจำแนกแจกแจงของเสียให้ดี) และ ณ จุดเวลาที่เริ่มแปรปรวน ต้องดำเนินการโดยจับตามองความเปลี่ยนแปลงที่อยู่ตรงหน้าของผลิตภัณฑ์ (หลักการ-กฎเกณฑ์ในการแปรรูป)
![](https://tpmmaster.com/wp-content/uploads/2021/07/Narongkiat-Naksorn-1-e1537412154578.jpg)
เรียบเรียงโดย อาจารย์ณรงค์เกียรติ นักสอน
ที่ปรึกษา TPM-JIPM