...

ตอน 1 เข้าใจง่าย ทำได้แน่นอน การบำรุงรักษาคุณภาพที่ดำเนินการด้วย “Infinite Loop”

“Infinity Loop” เทคนิคนี้ตอนได้ยินครั้งแรก จากการทำกิจกรรม TPM ที่เพิ่งเริ่มต้น รู้สึกว่ามันสดใหม่มาก จากการ maintain สู่การไคเซ็น นั่นก็คือ ก่อนอื่นต้องลองปฏิบัติตามสิ่งที่กำหนด แล้วถ้ายังไม่ดี ก็ต้องลองทบทวนสิ่งที่กำหนด ในสมัยที่ตัวอย่างและข้อมูลยังน้อย ประสบการณ์ที่ต้องต่อสู้ พยายามจะใช้เทคนิคนี้ในบริษัทของตนเอง ก็ได้กลายเป็นพื้นฐานของกิจกรรมไคเซ็น ในตอนนี้ Infinity Loop ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาด้านคุณภาพที่มีปัจจัยซับซ้อนหลายตัว ให้คืบหน้าได้อย่างมั่นคง โดยดำเนินการตาม Step ที่ประกอบด้วยกิจกรรมไคเซ็นอันหลากหลาย จึงเชื่อมั่นว่านี่คือเทคนิคที่เข้าใจง่ายมาก ๆ         โลกปัจจุบันนี้ เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องการคุณภาพที่ดีของทั้งผลิตภัณฑ์และบริการ ในหน้างานการผลิต เพื่อมุ่งสู่การทำการบำรุงรักษาคุณภาพ (Quality Maintenance) ได้อย่างมั่นคงด้วยการ Built in คุณภาพ  หวังว่าความรู้นี้จะเป็นตัวช่วยในการทำกิจกรรมไคเซ็นของทุกท่าน

Karakuri Concept กลไกพื้นฐานที่นำมาสร้าง Karakuri Kaizen 8. ไฟฟ้า

หลักการของมอเตอร์ ที่เปลี่ยนไฟฟ้าเป็นการทำงาน ด้วยแม่เหล็กและขดลวด -1- พลังของไฟฟ้าและพลังของแม่เหล็ก สร้างสนามแม่เหล็กด้วยกระแสไฟฟ้า เมื่อนำเข็มทิศเข้าใกล้ลวดนำไฟฟ้าที่มีไฟฟ้ากระแสตรงไหลอยู่ในทิศทางเหนือใต้ เข็มทิศจะส่าย  เข็มทิศที่วางด้านบนของลวดนำไฟฟ้า กับที่วางด้านล่างของลวดนำไฟฟ้า จะส่ายไปในทางตรงข้ามกัน  อีกทั้งเมื่อปล่อยกระแสไฟฟ้าให้แรงขึ้น เข็มทิศจะส่ายกว้างมากขึ้น นั่นเป็นเพราะว่าเกิดสนามแม่เหล็กขึ้นรอบลวดนำไฟฟ้าที่มีกระแสไฟฟ้าไหล  โดยจะเกิดสนามแม่เหล็กในทิศทางเดียวกับเกลียวขวาดังผังที่ 8-1 ตามทิศทางการไหลของไฟฟ้า  สิ่งนี้เรียกว่า “กฎมือขวา  (right-handed screw rule)”  ความแรงของสนามแม่เหล็กจะเป็นสัดส่วนตรงกับความแรงของกระแสไฟฟ้า และเป็นสัดส่วนผกผันกับระยะทางจากลวดนำไฟฟ้า สนามแม่เหล็กรอบขดลวด ดังผังที่ 8-2 แม้จะทำให้ลวดนำไฟฟ้าเป็นรูปวงกลม ก็จะได้สนามแม่เหล็กตามกฎมือขวาที่จุดต่าง ๆ บนลวดนำไฟฟ้าเช่นกัน  เมื่อนำมาวางเรียงกันหลายชั้นก็จะเป็นขดลวดที่ใช้กับสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่ได้แนะนำในมุมทดลองของบทที่แล้ว  เมื่อให้กระแสไฟฟ้าไหลเข้าขดลวด สนามแม่เหล็กรอบกระแสไฟฟ้ารูปวงกลมจะต่อกันจนเป็นสนามแม่เหล็กหนึ่งเดียว  สนามแม่เหล็กนี้ จะแทบขนานกันที่ด้านในของขดลวด แต่ด้านนอกจะเหมือนกับแท่งแม่เหล็ก ดังนั้น ตะปูด้านในก็จะทำหน้าที่เป็นแม่เหล็ก  อีกทั้งจากทิศทางของสนามแม่เหล็ก ทำให้ทราบว่าแม่เหล็กไฟฟ้าดังกล่าวจะมีขั้ว N ทางด้านหัวตะปู แรงที่กระแสไฟฟ้าได้รับจากสนามแม่เหล็ก ก่อนอื่น ดังผังที่ 8-3 อุปกรณ์ที่ประกอบขึ้นจากชิงช้าที่ทำจากลวดนำไฟฟ้าและแม่เหล็ก  เมื่อปล่อยกระแสไฟฟ้าไปที่ลวดนำไฟฟ้านี้ ลวดนำไฟฟ้ารูปชิงช้าจะขยับ เพราะอะไร ? นั่นเป็นเพราะเป็นปรากฏการณ์ที่สนามแม่เหล็กของแม่เหล็ก และสนามแม่เหล็กที่เกิดจากการปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้าไปในลวดนำไฟฟ้าที่มีตำแหน่งอยู่ด้านในเกิดการทำงานร่วมกัน  ถ้าทิศทางของสนามแม่เหล็กจากแม่เหล็ก […]

Karakuri Concept (กลไกพื้นฐานที่นำมาสร้าง Karakuri Kaizen) 7. แม่เหล็ก

คุณสมบัติของแม่เหล็ก ที่มีอยู่มากมายรอบตัวเรา -1- หินมหัศจรรย์ซึ่งมีพลังที่มองไม่เห็น สำหรับคนยุคโบราณ แม่เหล็กเป็นหินมหัศจรรย์จริง ๆ  มองไปก็เหมือนก้อนหินธรรมดาที่ไม่มีอะไรพิเศษ แต่กลับดูดเหล็กได้  เข็มเล็ก ๆ ที่ทำจากแม่เหล็กก็ชี้ทิศเหนือทิศใต้ได้อย่างถูกต้องตลอดเวลา เห็นว่าไอน์สไตน์สมัยยังเล็ก เมื่อเห็นเข็มทิศชี้ทิศเหนือ จึงได้รู้ว่ามีกฎเกณฑ์ที่ซ่อนไว้อยู่ในโลกธรรมชาติ สิ่งที่เกี่ยวข้องกับ “แม่เหล็ก” มีอยู่มากมายรอบตัวเรา ตั้งแต่มอเตอร์ที่ใช้ในเครื่องซักผ้า พัดลม จนถึงวิดีโอเทป ฟล็อปปี้ดิสก์ และแม้แต่โลกของเรา ความจริงแล้วก็คือแท่งแม่เหล็กขนาดยักษ์นั่นเอง เข็มทิศที่กล่าวถึงก่อนหน้า ก็เพราะว่าที่ใกล้ขั้วโลกเหนือมีขั้ว S ของแม่เหล็กโลก และที่ใกล้ขั้วโลกใต้มีขั้ว N ของแม่เหล็กโลก ทำให้ขั้วตรงข้ามถูกดูดเข้าหา ขั้ว N ของเข็มทิศจึงชี้ทิศเหนือ และขั้ว S จึงชี้ทิศใต้อยู่เสมอ ขนาดของแรงที่กระทำระหว่างขั้วแม่เหล็ก แม่เหล็กมีคุณสมบัติคือ หากเป็นขั้วเดียวกันจะผลักกัน และจะดูดกันเมื่อขั้วต่างกัน แรงที่กระทำระหว่างขั้วแม่เหล็กทั้งสอง เป็นสัดส่วนเท่ากับผลคูณของปริมาณพลังแม่เหล็กที่ขั้วแม่เหล็กแต่ละขั้วมี  อีกทั้ง เมื่อระยะห่างเป็น 2 เท่า 3 เท่า ยิ่งห่างมากเท่าไร แรงก็จะอ่อนลงเป็น 1/22 และ 1/32 ตามลำดับ  เป็นกฎของพลังแม่เหล็กที่เรียกว่า […]

Karakuri Concept กลไกพื้นฐานที่นำมาสร้าง Karakuri Kaizen 6. แรงลอยตัวและแรงดัน

มาประยุกต์ ใช้หลักการของแรงลอยตัวและแรงดัน ของของเหลวและก๊าซกัน -1- กฎของปาสคาล การเคลื่อนย้ายของหนัก       เมื่อเพิ่มแรงดันกับจุดใด ๆ ของของเหลวหรือก๊าซที่บรรจุในภาชนะปิด ความดันจะกระจายกันต่อไป ทำให้ทุก ๆ ส่วนของของเหลวหรือก๊าซ ได้รับแรงดันเป็นแนวดิ่งเท่ากันหมด—นี่คือกฎของปาสคาล        ตัวอย่างเช่น ดังผังที่ 6-1(1) ใส่น้ำให้เต็มท่อรูปตัว U ที่มีพื้นที่หน้าตัดสองปลายเท่ากัน ลองคิดถึงกรณีที่สวมลูกสูบให้แน่นบนปลายทั้งสองนั้น        เมื่อวางลูกตุ้มลงบนลูกสูบด้านหนึ่ง ผิวน้ำด้านนั้นจะถูกดันลง  ในการจะทำให้ผิวน้ำทั้งสองด้านสูงเท่ากันอีกครั้ง ก็แค่วางลูกตุ้มไปบนลูกสูบอีกด้านเท่านั้นเอง       แต่ดัง(2) ของผังเดียวกันกรณีที่พื้นที่หน้าตัดของลูกสูบ A และ B ต่างกันเป็น SA(cm2) และ SB(cm2)  ผลรวมของน้ำหนักลูกสูบและน้ำหนักลูกตุ้มให้เป็น WA(kgf) และ WB(kgf)      เมื่อลูกสูบทั้งสองด้านอยู่นิ่ง ตามกฎของปาสคาล แรงดัน […]

Karakuri Conceptกลไกพื้นฐานที่นำมาสร้าง Karakuri Kaizen 5. กลไกเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่

กลไกลูกเบี้ยว กลไกลิงก์ที่ใช้เปลี่ยนการเคลื่อนที่แบบหมุนหรือเส้นตรง ให้เป็นการเคลื่อนที่ที่ซับซ้อน เกลียวที่สร้างแรงอันยิ่งใหญ่ได้ด้วยแรงหมุนเพียงเล็กน้อย -1- ลูกเบี้ยวที่ทำให้เกิดการเคลื่อนที่เป็นวงจรเฉพาะ ลูกเบี้ยว จะมีทั้งด้านที่เคลื่อนตัว (ตัวหลัก) และด้านที่ถูกทำให้เคลื่อนที่ (ตัวตาม)  โดยตัวตามที่สัมผัสโดยตรงเมื่อถูกนำโดยตัวหลักจะมีการเคลื่อนที่ไปกลับหรือเคลื่อนที่เป็นวงจรเฉพาะตามที่กำหนด จึงถูกนำมาใช้ในรูปแบบต่าง ๆ อย่างหลากหลาย ตั้งแต่กลไกของของเล่นเด็ก จนถึงเครื่องยนต์รถ ลูกเบี้ยว โดยพื้นฐานแล้วเป็นการสัมผัสของตัวหลักกับตัวตามเท่านั้น  ดังนั้น กรณีที่มีการกดตัวตามลง จำเป็นต้องใช้แรงอื่น เช่น สปริง มาดันกลับ (ผังที่ 5-1) ลูกเบี้ยวมักใช้ในการขยับตัวตามด้วยแรงของตัวหลัก จึงใช้การได้ไม่ดีถ้าต้องการจะขยับตัวหลักด้วยตัวตาม ลูกเบี้ยวแบ่งประเภทใหญ่ ๆ ได้เป็น ลูกเบี้ยวแนวราบ และลูกเบี้ยวสามมิติ ลูกเบี้ยวแนวราบ (Plane Cam) ลูกเบี้ยวแนวราบ เป็นสิ่งที่ส่วนสัมผัสเคลื่อนที่ในแนวราบ โดยแบ่งตามการเคลื่อนที่ได้เป็น ลูกเบี้ยวรูปหัวใจ (heart cam) ลูกเบี้ยวรูปจาน (disc cam) ลูกเบี้ยวรูปแอก (yoke cam) ลูกเบี้ยวส่าย (oscillation cam) เป็นต้น (ผังที่ 5-2) […]

Karakuri Concept กลไกพื้นฐานที่นำมาสร้าง Karakuri Kaizen 4. แรงที่ส่งให้หมุน

ใช้แรงหมุนของเครื่องจักร เป็นต้นเพื่อส่งต่อไปยังจุดอื่น  ล้อที่ขับหมุนด้วยแรงเสียดทาน, ฟันเฟือง, สายพาน, โซ่ -1- ล้อที่ขับหมุนด้วยแรงเสียดทานสามารถเปลี่ยนรอบหมุนได้อย่างต่อเนื่อง เรามีวิธีใช้ประโยชน์จากแรงหมุนของเครื่องจักร เป็นต้น ได้อย่างชาญฉลาดหลายวิธี ก่อนอื่น วิธีที่ง่ายที่สุดคือ การส่งถ่ายกำลังโดยใช้แรงเสียดทานจากการสัมผัสกันของวงกลม 2 วง ที่เรียกว่าล้อที่ขับหมุนด้วยแรงเสียดทาน โดยมีชนิดต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ ชนิดของล้อที่ขับหมุนด้วยแรงเสียดทาน ล้อที่ขับหมุนด้วยแรงเสียดทานที่เป็นทรงกระบอกจะเป็นสิ่งที่ใช้กันมากที่สุด (ผังที่ 4-1) เมื่อสัมผัสกันที่ด้านนอก ต่างก็จะหมุนไปในทิศทางตรงข้าม เมื่อสัมผัสกันที่ด้านใน จะหมุนไปในทิศทางเดียวกัน กรณีที่ไม่เกิดการสลิป อัตราส่วนของการหมุนจะเป็นสัดส่วนผกผันกับอัตราส่วนของเส้นผ่านศูนย์กลางของวงกลมทั้งสอง  นั่นก็คือ กรณีที่เส้นผ่านศูนย์กลางของ A 15 ซม. และเส้นผ่านศูนย์กลางของ B 5 ซม. อัตราส่วนของเส้นผ่านศูนย์กลางคือ 3 : 1 ดังนั้น อัตราส่วนของการหมุนคือ 1 : 3  ระหว่างที่ A หมุน 1 รอบ B จะหมุน […]

ตอน 38 (Autonomous Maintenance)Step 7 การบริหารจัดการด้วยตนเองอย่างจริงจัง 6. มาดำเนินการกระตุ้นกลุ่มย่อยให้คึกคักด้วย AM กันเถอะ

กิจกรรม AM ไม่ใช่แค่สร้างผลกำไร  หากดำเนินกิจกรรม AM ก่อนอื่น เครื่องจักรและสภาพแวดล้อมของหน้างานจะเปลี่ยน  เมื่อเป็นเช่นนั้น การเปลี่ยนแปลงจนถึงความคิดและพฤติกรรมของผู้ปฏิบัติงานก็จะปรากฏให้เห็น บรรยากาศของหน้างานก็จะเปลี่ยนไป  นั่นก็คือเป็นการกระตุ้นกลุ่มย่อยให้คึกคัก  เราลองมาดูตัวอย่างของบริษัทอื่นเกี่ยวกับ Intangible Results เหล่านี้กัน ● เครื่องจักร หน้างาน คนจะเปลี่ยน ! จิตสำนึกว่า “ตัวเอกของการผลิต คือพวกเราที่ทำงาน” สูงขึ้น ดำเนินการบริหารจัดการงานของตัวเองด้วยตัวเองกันมากขึ้น 7.จำนวนข้อบกพร่องที่ค้นพบโดยรวมสูงถึง 3 แสนรายการ (60 รายการต่อเครื่อง) การจัดการตอนช่วงแรกก็อยู่ที่ 20-30%  แต่พอช่วง Step 7 กลุ่มย่อยก็สามารถจัดการได้ถึงมากกว่า 90% (การค้นพบข้อบกพร่อง มีตัวอย่างที่มีพนักงาน 670 คน หาข้อบกพร่องได้ 1.3 ล้านรายการใน 4 ปี) 8.สภาพแวดล้อมของที่ทำงานก็ได้รับการดูแล ผู้มาเยือนก็ประทับใจ 9.จากการมีประสบการณ์ความลำบากของการปฏิบัติตาม ผู้ปฏิบัติงานแต่ละคนจึงเข้าใจความสำคัญของการปกป้องเครื่องจักรด้วยตนเอง ●  เปลี่ยนเป็นผู้ปฏิบัติงานที่คิดและทำได้ด้วยตนเอง จากนี้ไป คิดว่าสภาพแวดล้อมของอุตสาหกรรมการผลิตอย่างพวกเราจะยิ่งเข้มงวดขึ้น  พวกเราจึงต้องสร้างโครงสร้างระบบของหน้างานที่ไม่ยอมแพ้ต่อสิ่งนั้น  […]

ตอน 37 (Autonomous Maintenance)Step 7การบริหารจัดการด้วยตนเองอย่างจริงจัง 5. มาดำเนินการ AM ที่สร้างผลกำไรกันเถิด

– การฟื้นสภาพและไคเซ็นสร้างผลสัมฤทธิ์ ผลสัมฤทธิ์สร้างความยินดีในการบรรลุ – ที่นี้ ด้วยการดำเนินการกิจกรรม AM ดังที่ได้พูดมาจนถึงตรงนี้ จะได้ Tangible Results อย่างไร จะขอยกตัวอย่างของกลุ่มย่อยของบริษัทต่าง ๆ ที่ทำ TPM มาให้ฟัง ●  ได้ผลแบบนี้ “เวลาทำความสะอาด-หล่อลื่น-ตรวจเช็ค” ซึ่งดำเนินการโดยมีเป้าหมายภายใน 10 นาที เหลือ 3 นาที “ปริมาณการเติมน้ำมันไฮดรอลิกและสารหล่อลื่น” ของทุกเดือนของสถานที่ทำงาน ได้มีมาตรการป้องกันรั่ว ทำให้จากที่เคยใช้ 50 ลิตรเหลือต่ำกว่า 2 ลิตร (น้ำมันในพิตใต้ดินหายไป) ก่อนดำเนินกิจกรรม “เครื่องขัดข้องกะทันหัน” จากทั่วบริษัทมี 4,106 ครั้งเหลือ 28 ครั้ง กลุ่มย่อยที่ทำ “ขัดข้องเป็นศูนย์-ของเสียเป็นศูนย์” ได้ต่อเนื่องมากกว่า 3 เดือน มีถึง 41 กลุ่มจากกลุ่มย่อยของทั้งบริษัท 342 กลุ่ม เพราะการขัดข้องลดลง “เวลาหยุดไลน์” เหลือเพียง […]

ตอน 36 (Autonomous Maintenance)Step 7 การบริหารจัดการด้วยตนเองอย่างจริงจัง 4. การบริหารจัดการด้วยตนเองคืออะไร

ถึงตรงนี้ ได้พูดถึง “การบริหารจัดการประจำวัน” “การบริหารจัดการนโยบาย” “ผลสัมฤทธิ์ที่คาดหวัง” มาแล้ว  จากตรงนี้ไป คิดว่าอยากจะพูดถึงวิธีการประเมินโดยรวมของ 3 เรื่องเหล่านั้น และวิธีการประเมินระดับการบริหารจัดการด้วยตนเองของพวกตน ●  ปฏิบัติตามสิ่งที่กำหนด + ไคเซ็น = ผลสัมฤทธิ์ ได้พูดถึงแล้วว่าระดับของการบริหารจัดการด้วยตนเองจะถูกประเมินด้วย การบริหารจัดการประจำวัน การบริหารจัดการนโยบาย และผลสัมฤทธิ์ที่คาดหวัง  ดังนั้น พวกเราเองก็จำเป็นต้องประเมินในจุดเหล่านั้นด้วยตัวเองด้วย ก่อนอื่น การบริหารจัดการประจำวัน เป็นการปฏิบัติตามสิ่งที่กำหนดให้ดีด้วยกิจกรรม AM ประเมินระดับจากจุดที่ว่า “ปฏิบัติตามอยู่หรือไม่” “มีการทำให้ปฏิบัติตามได้ง่ายหรือไม่”  ระดับการบริหารจัดการนโยบาย ประเมินจากจุดที่ว่า จากการทำ FI “มีการทำไคเซ็นอย่างคึกคักหรือไม่” “ได้มีการยกระดับการเสร็จสมบูรณ์ของไคเซ็นหรือไม่” และผลสัมฤทธิ์ซึ่งก็คือผลของการทำกิจกรรมเหล่านั้น ก็ได้รับการประเมินด้วย “หัวข้อการประเมินแต่ละหัวข้อได้บรรลุระดับไหนจากที่ได้กำหนดไว้” ●  จากการผ่านจนถึงการรับรอง เมื่อเราได้ทำกิจกรรมเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ จะเชื่อมโยงสู่การยกระดับผลสัมฤทธิ์อย่างแน่นอน ถ้าหากเชื่อมโยงไม่ได้ แสดงว่ายังมีจุดอ่อน จุดที่ไม่เพียงพอในการดำเนินการ AM หรือ FI อย่างใดอย่างหนึ่ง  ให้พวกเราทบทวนตัวเองในจุดนั้น เพื่อเชื่อมโยงสู่การทบทวนเนื้อหาสิ่งที่ต้องทำใหม่ จนถึง Step […]

ตอน 35 (Autonomous Maintenance)Step 7 การบริหารจัดการด้วยตนเองอย่างจริงจัง 3. ผลสัมฤทธิ์ที่คาดหวังจากพวกเรา

ผลสัมฤทธิ์ที่พวกเราถูกคาดหวังในฐานะที่เป็นหน้าที่ที่ควรทำให้บรรลุในกิจกรรมการผลิตคือ “ต้นทุนถูก ผลิตภาพสูง ประสิทธิภาพสูง และรักษาสภาพเหล่านั้นไว้ได้” เป็นต้น  และเพื่อบรรลุสิ่งเหล่านั้น จำเป็นต้องทำให้ Loss ชัดเจน และดำเนินกิจกรรมเพื่อลด Loss นั้น ●  ในการบรรลุผลสัมฤทธิ์จำเป็นต้องลด Loss ต้นทุน สามารถคำนวณได้จากการดูว่าใช้ค่าใช้จ่ายไปแค่ไหน และผลิตออกมาได้แค่ไหน  ดังนั้นก่อนอื่น สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่า “ในสถานที่ทำงานของพวกตน มีการใช้ค่าใช้จ่ายอย่างไร ใช้ไปแค่ไหน”  ค่าใช้จ่ายที่ใช้ในหน้างานการผลิตมี ค่าวัตถุดิบ ค่าพลังงาน ค่าแม่พิมพ์-จิ๊กเครื่องมือ ค่าใช้จ่ายในการเดินเครื่อง เป็นต้น และเพื่อการบริหารจัดการสิ่งเหล่านี้ ต้องทำให้ชัดเจนว่า “Yield ของวัตถุดิบ” “Unit used ของพลังงาน” “อายุของแม่พิมพ์-จิ๊กเครื่องมือ หรือว่าค่าใช้จ่ายในการเดินเครื่องต่อหน่วยของผลิตภัณฑ์” อยู่ในสภาพเช่นใด ต้องลดหรือยกระดับถึงแค่ไหน จากนั้นจึงดำเนินการไคเซ็น ในการยกระดับผลิตภาพ ต้องเร่งความเร็วของการผลิต และเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องจักรหรือประสิทธิภาพของการปฏิบัติงานให้สูงขึ้น  ดังนั้นก่อนอื่นต้องทำให้ชัดเจนในสภาพปัจจุบันของ “เวลามาตรฐาน” “OEE” “Actual Man-Hour ต่อ Man-Hour มาตรฐาน” จากนั้นจึงต้องทำให้ชัดเจนถึงเนื้อหา Loss […]

Seraphinite AcceleratorOptimized by Seraphinite Accelerator
Turns on site high speed to be attractive for people and search engines.